สถิติด้านการเงินเกี่ยวกับโปรแกรมพรีเมียร์ลีกที่คุณควรรู้

เศรษฐกิจของแต่ละประเทศนั้นมีแหล่งรายได้ที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศไทยที่มีรายได้จากการท่องเที่ยว หรือประเทศญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับการส่งออกและสื่อบันเทิง ในขณะเดียวกัน อังกฤษเป็นประเทศที่มีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่แตกต่างจากประเทศอื่นนั่นก็คือ โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ซึ่งโปรแกรมพรีเมียร์ลีกนี้สร้างมูลค่ามากมายให้กับประเทศ วันนี้เราจะไปรู้จักกับการเงิน การลงทุน และตัวเลขที่น่าทึ่งของลีกนี้

รายได้จากลิขสิทธิ์โทรทัศน์

ความแข็งแกร่งทางการเงินของโปรแกรมพรีเมียร์ลีกขึ้นอยู่กับสิทธิ์การออกอากาศในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ข้อตกลงสำหรับปี 2019-2022 แม้ว่าจะน้อยกว่ารอบก่อนหน้าเล็กน้อย (2016-2019) แต่ก็ยังมีมูลค่าสูงเสียดฟ้าถึง 5 พันล้านปอนด์

การลดลงเล็กน้อยนี้เป็นผลมาจากความอิ่มตัวของตลาดและพฤติกรรมการรับชมที่เปลี่ยนไปของแฟน สิทธิ์ในการแพร่ภาพกระจายเสียงส่วนใหญ่จะแบ่งตามผู้แพร่ภาพกระจายเสียงชั้นนำ ซึ่งจะได้รับส่วนแบ่งสำหรับการถ่ายทอดสดการแข่งขันสด แพ็คเกจไฮไลท์ และสิทธิ์ดิจิทัล รายได้นี้มีความสำคัญต่อสโมสร โดยส่งผลกระทบทุกอย่างตั้งแต่การซื้อผู้เล่นไปจนถึงการอัพเกรดสนาม

นอกจากนี้ ดีลในการถ่ายทอดสดระหว่างประเทศล่าสุดนี้ (2019-2022) มีมูลค่าประมาณ 4.2 พันล้านปอนด์ ซึ่งแซงหน้ารายรับในประเทศ บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ การเติบโตนี้บ่งบอกถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของโปรแกรมพรีเมียร์ลีกทั่วโลก โดยเจาะเข้าสู่ตลาดในเอเชีย อเมริกาเหนือ และแอฟริกา สิทธิ์ระดับสากล ได้แก่ เกมถ่ายทอดสด ไฮไลท์ประจำสัปดาห์ และรายการนิตยสารที่จัดไว้สำหรับผู้ชมที่หลากหลายทั่วโลก การขยายสู่ตลาดใหม่ยังเปิดโอกาสให้สโมสรต่างๆ ขยายฐานแฟนคลับในระดับนานาชาติและดึงดูดผู้สนับสนุนระดับโลกอีกด้วย

จากข้อมูลนี้จึงสรุปได้ว่า โปรแกรมพรีเมียร์ลีกเริ่มมีความนิยมลดลงในประเทศเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมือง กลับกัน ในต่างประเทศผลบอลพรีเมียร์ลีกล่าสุดกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นสูงเรื่อย ๆ

premier-league-tv-revenue

รายได้สโมสรที่หลากหลาย

แหล่งรายได้ของสโมสรในโปรแกรมพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะสโมสรระดับท็อป มีความหลากหลายและมีนัยสำคัญอย่างมาก ในฤดูกาล 2018-19 ตัวเลขรายรับของสโมสรสูงอย่างน่าตกใจ ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (627.1 ล้านปอนด์), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (535.2 ล้านปอนด์) และลิเวอร์พูล (533 ล้านปอนด์)

รายได้เหล่านี้เป็นการผสมผสานระหว่างรายได้ในวันแข่งขัน (การขายตั๋ว ฯลฯ) สิทธิ์ในการออกอากาศ (ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) และรายได้เชิงพาณิชย์ (สปอนเซอร์ การขายสินค้า) สโมสรเหล่านี้ยังได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมการแข่งขันในยุโรปเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับพวกเขาอีกด้วย

การเปลี่ยนแปลงการย้ายผู้เล่นและค่าจ้าง

โปรแกรมพรีเมียร์ลีกนั้นมีอัตราการใช้จ่ายและซื้อขายที่สูงอย่างมาก การโอนย้ายในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 มีรายจ่ายรวมที่น่าจับตามองกว่า 1.4 พันล้านปอนด์ การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสโมสรในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมและรักษาความสามารถในการแข่งขัน ความแข็งแกร่งทางการเงินของลีกช่วยให้สามารถดึงดูดผู้มีความสามารถชั้นนำระดับโลก เพิ่มคุณภาพและความน่าดึงดูดยิ่งขึ้นไปอีก

สโมสรในโปรแกรมพรีเมียร์ลีกยังคงรักษาค่าแรงที่สูงที่สุดในฟุตบอลไว้ ตัวอย่างเช่น ค่าจ้างรวมของนักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในฤดูกาล 2018-19 อยู่ที่ 315 ล้านปอนด์ โดยมีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (332 ล้านปอนด์) และลิเวอร์พูล (310 ล้านปอนด์) ตามมาติดๆ ค่าจ้างเฉลี่ยทั่วทั้งลีกอยู่ที่ประมาณ 134 ล้านปอนด์

สปอนเซอร์ต่าง ๆ

ดีลสปอนเซอร์ต่าง ๆ สร้างรายได้หลักให้กับสโมสรในโปรแกรมพรีเมียร์ลีก ข้อตกลงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับอาดิดาส ซึ่งมีมูลค่า 75 ล้านปอนด์ต่อปี ถือเป็นข้อตกลงที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในลีก ในทำนองเดียวกันข้อตกลงของเชลซีกับ Nike สร้างรายได้ 60 ล้านปอนด์ต่อปี ข้อตกลงเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเงินเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการปรับให้เข้ากับแบรนด์ระดับโลกที่ช่วยยกระดับโปรไฟล์ระดับนานาชาติของสโมสรอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมี สปอนเซอร์บนเสื้อ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้หลัก สปอนเซอร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับเชฟโรเลต (64 ล้านปอนด์/ปี) และของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับสายการบินเอทิฮัด (45 ล้านปอนด์/ปี) เป็นตัวอย่างที่สำคัญ ข้อตกลงเหล่านี้เป็นมากกว่าแค่การวางโลโก้ แต่เป็นการตลาดที่มีมูลค่าสูง และน่าจับตามองอย่างมากว่าแบรนด์เหล่านี้จะได้กำไรหรือไม่

ผลกระทบทางเศรษฐกิจของโปรแกรมพรีเมียร์ลีก

โปรแกรมพรีเมียร์ลีกมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร ตัวอย่างเช่น ในฤดูกาล 2016-17 คาดว่าจะสร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจรวม 7.6 พันล้านปอนด์ การสนับสนุนนี้มาจากการใช้จ่ายโดยตรง (เช่น ค่าจ้าง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน) การใช้จ่ายทางอ้อม (การใช้จ่ายโดยซัพพลายเออร์และผู้ให้บริการที่เชื่อมโยงกับลีก) และผลกระทบที่เกิดขึ้น (การใช้จ่ายโดยพนักงานของลีกและซัพพลายเออร์)

นอกจากนี้ ลีกเหล่านี้ยังสนับสนุนงานประมาณ 100,000 ตำแหน่งในสหราชอาณาจักร ตั้งแต่การจ้างงานโดยตรงจากสโมสรและลีกไปจนถึงงานในภาคส่วนต่างๆ เช่น กิจการกระจายเสียง โรงพยาบาลและการผลิตสินค้า

สรุป

นอกจากโปรแกรมพรีเมียร์ลีกแล้ว ตัวเลขการเงินของลีกอื่นๆ ก็ไม่น้อยหน้าเลย เช่น Fifa World cup ที่ทำเงินไปได้มากกว่า 6,314 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 เป็นข้อพิสูจน์ว่าฟุตบอลคือหนึ่งในธุรกิจที่สร้างเงินให้ได้มากที่สุด ตอนนี้เราก็ได้แต่หวังว่า ประเทศไทยจะกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสโมสรหรือลีกฟุตบอลที่มีบทบาทในระดับสากล เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญต่อไป

Tags :